ข้อมูลผลิตภัณฑ์

การเลือกน้ำยาขจัดคราบผิดประเภทอาจส่งผลต่อคุณภาพของชิ้นงาน ความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน หรือแม้แต่ประสิทธิภาพของเครื่องจักรเอง มาดูหลักเกณฑ์สำคัญในการเลือกน้ำยาทำความสะอาดให้เหมาะกับงานแต่ละประเภท พร้อมแนะแนวทางการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์จริงในโรงงานของคุณ

1. เข้าใจประเภทของคราบก่อนเลือกน้ำยา
การเลือกน้ำยาขจัดคราบที่เหมาะสม ต้องเริ่มจากการวิเคราะห์ว่า "คราบที่ต้องทำความสะอาดคืออะไร?"
ประเภทของคราบหลัก ๆ ได้แก่:
- คราบน้ำมัน / จาระบี เช่น จากเบรก, เครื่องจักร, พื้นโรงงาน
- ฝุ่นผงละเอียด เช่น ฝุ่นจากการเจียรหรือตัด
- คราบเคมีหรือเรซินตกค้าง จากกระบวนการผลิตพิเศษ
- คราบที่มีความชื้นหรือสนิมร่วมด้วย
น้ำยาที่ใช้จึงต้องสามารถละลายหรือแยกคราบเหล่านี้ได้โดยไม่ทำลายพื้นผิววัสดุ

2. เลือกตามพื้นผิวของชิ้นงาน
พื้นผิวของชิ้นงานมีผลอย่างมากต่อการเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เช่น:
- โลหะ (เหล็ก, อะลูมิเนียม): ต้องใช้น้ำยาที่ไม่กัดกร่อนหรือทำให้เกิดสนิม
- พลาสติกหรือยาง: ต้องระวังสารที่อาจทำให้วัสดุบวมหรือกรอบ
- พื้นผิวทาสีหรือเคลือบผิว: ต้องใช้น้ำยาที่ไม่มีตัวทำละลายรุนแรง

3. วิธีการใช้งานในโรงงานของคุณ
แต่ละโรงงานมีวิธีการทำความสะอาดที่ต่างกัน เช่น:
- แช่ / จุ่ม: ต้องใช้น้ำยาที่ปลอดภัยกับผู้ปฏิบัติงานและมีอัตราระเหยต่ำ
- พ่นด้วยแรงดัน (Aerosol): ควรเลือกสูตรแห้งเร็ว ไม่ทิ้งคราบตกค้าง
- เช็ดด้วยผ้า / แปรง: ต้องมีความสามารถในการย่อยคราบเร็วโดยไม่ต้องใช้น้ำล้างซ้ำ

4. ความปลอดภัยและข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม
น้ำยาทำความสะอาดอุตสาหกรรมควร:
- ปลอดภัยต่อผู้ใช้: ไม่มีสาร VOC สูงหรือกลิ่นรุนแรง
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย หรือสูตร Biodegradable
- ผ่านมาตรฐานอุตสาหกรรม: เช่น RoHS, REACH หรือมาตรฐานเฉพาะในยานยนต์